ตอนแรกโอลิเวอร์ก็วิ่งเพราะกลัวจะถูกจับ แต่เมื่อมาได้ไกลสักหนึ่งหรือสองไมล์แล้วเขาก็เปลี่ยนเป็นเดินไปอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งเที่ยงวัน เมื่ออยู่ห่างจากเมืองและร้านต่อหีบศพไม่ต่ำกว่าห้าไมล์แล้ว เขาก็ทรุดตัวลงนั่งพักข้างหลักหินบอกระยะทาง เขาจะไปที่ไหนดี? ที่หลักหินมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘ลอนดอน 70 ไมล์’ เขาจึงคิดจะไปลอนดอน
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ตอนที่ 5 โอลิเวอร์หนี
เช้าวันรุ่งขึ้นโอลิเวอร์ตกใจตื่นเพราะเสียงดังอันเกิดจากใครคนหนึ่งเตะประตูร้านแล้วก็มีเสียงพูดอย่างโมโหว่า “เปิดประตูหน่อยได้มั้ย?” โอลิเวอร์สวมเสื้อผ้าแล้วก็มาเปิดประตูรับเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุมากกว่าและรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขา เด็กคนนั้นคือโนอา เคลย์โพล์ (Noah Claypole) เขาบอกโอลิเวอร์ว่า “แกต้องเรียกฉันว่า คุณโนอา เคลย์โพล์ และต้องทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของฉัน เข้าใจไหม?” เขาเตะโอลิเวอร์ด้วยขณะที่พูด “แกเป็นเด็กคนใหม่ที่มาจากโรงเลี้ยงเด็กใช่มั้ยล่ะ? ลงไปกินข้าวเช้าที่ข้างล่างเสีย รีบ ๆ กินเข้าจะได้กลับมาช่วยดูร้าน”
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ตอนที่ 4 โอลิเวอร์ฝึกงาน
เวลาล่วงเลยไปอีกสองสามวันแต่ก็ไม่มีใครเสนอตัวเข้ามารับโอลิเวอร์และเงินห้าปอนด์ไป คณะกรรมการรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการรอคอยเช่นนี้ จึงได้ส่งนายบัมเบิ้ลไปสืบถามดูว่าจะมีกัปตันเรือคนใดต้องการเด็กไว้เป็นเด็กรับใช้ในเรือเพียงคนเดียวบ้าง ตอนที่เดินกลับมายังสถานสงเคราะห์ นายบัมเบิ้ลพบเพื่อนคนหนึ่งคือนายซอเวอร์เบอร์รี่ (Mr.Sowerberry) ซึ่งเป็นสัปเหร่อประจำสถานสงเคราะห์คนอนาถา
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ตอนที่ 3 โอลิเวอร์กับคนทำความสะอาดปล่องไฟ
ตลอดสัปดาห์อันยาวนาน โอลิเวอร์ต้องถูกขังอยู่ในห้องมืดเล็ก ๆ เขาเพียงแต่ถูกนายบัมเบิ้ลนำตัวออกมาทุกเช้า เพื่อชำระร่างกายของเขาด้วยน้ำที่เย็นเหมือนน้ำแข็ง กลางลานดินที่มีอากาศหนาวเย็นจับใจ ทุกวันเว้นวันโอลิเวอร์จะถูกนำตัวเข้ามในห้องที่เด็ก ๆ กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ ที่นั่นต่อหน้าเด็กทั้งหมด เขาจะถูกเฆี่ยนเพื่อเป็นการเตือนและเป็นตัวอย่างแก่เด็กอื่น ๆ และได้มีคำสั่งให้เด็กทุกคนสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้รอดพ้นจากการทำผิดเหมือนโอลิเวอร์ ทวิสท์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)