เช้าวันรุ่งขึ้นโอลิเวอร์ตกใจตื่นเพราะเสียงดังอันเกิดจากใครคนหนึ่งเตะประตูร้านแล้วก็มีเสียงพูดอย่างโมโหว่า “เปิดประตูหน่อยได้มั้ย?” โอลิเวอร์สวมเสื้อผ้าแล้วก็มาเปิดประตูรับเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุมากกว่าและรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขา เด็กคนนั้นคือโนอา เคลย์โพล์ (Noah Claypole) เขาบอกโอลิเวอร์ว่า “แกต้องเรียกฉันว่า คุณโนอา เคลย์โพล์ และต้องทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของฉัน เข้าใจไหม?” เขาเตะโอลิเวอร์ด้วยขณะที่พูด “แกเป็นเด็กคนใหม่ที่มาจากโรงเลี้ยงเด็กใช่มั้ยล่ะ? ลงไปกินข้าวเช้าที่ข้างล่างเสีย รีบ ๆ กินเข้าจะได้กลับมาช่วยดูร้าน”
โนอา เคลย์โพล์ (Noah Claypole)
ในไม่ช้าโอลิเวอร์ก็รู้สึกว่าชีวิตลูกมือของสัปเหร่อไม่ดีไปกว่าชีวิตในสถานสงเคราะห์คนอนาถาเท่าไรนัก ต้องทำงานหนักเท่ากัน มีอาหารกินน้อยพอ ๆ กัน และถูกกดขี่อย่างโหดร้ายทารุณเหมือน ๆ กัน โดยเฉพาะความโหดร้ายของนางซอเวอร์เบอร์รี่ และของโนอา เคลย์โพล์ ผู้ที่ชอบข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่าตน โอลิเวอร์ต้องอดทนต่อความทารุณนี้ เช่นเดียวกับที่เขาได้เคยอดทนมาแล้วในโรงเลี้ยงเด็ก จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาและโนอา เคลย์โพล์ กำลังคอยรับประทานอาหารเย็นอยู่ในครัวตามลำพัง โนอาคิดจะหาความสนุกด้วยการแกล้งโอลิเวอร์เล่น เขาดึงผมและหยิกโอลิเวอร์ แต่เมื่อเห็นว่าวิธีนี้ไม่ทำให้โอลิเวอร์ร้องไห้เขาก็ลองวิธีอื่นอีก
“ไอ้เด็กอนาถา แม่ของแกสบายดีรึ?”
“แม่ฉันตายแล้ว” โอลิเวอร์ ตอบ “แต่อย่าพูดอะไรพาดพิงถึงแม่ฉันจะดีกว่า” หน้าของโอลิเวอร์ชักจะแดงขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“เป็นอะไรตายล่ะ?” โนอาถาม
“เสียใจตาย มีคนเขาพูดกันอย่างนั้น” โอลิเวอร์ตอบ แล้วเขาก็พึมพำเหมือนจะพูดกับตัวเอง “ฉันเชื่อว่าความตายอย่างนั้นคงจะน่าเศร้าเอาการทีเดียว” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา
“อ้าว แล้วกันไอ้เด็กอนาถา” โนอาพูด “อะไรทำให้แกร้องไห้อย่างนั้นล่ะ?”
“ไม่ใช่แกหรอก” โอลิเวอร์ตอบทันควัน “นี่แกอย่าพูดอะไรถึงแม่ฉันอีกต่อไปนะ”
“แม่แกน่ะหรอ ก็แม่แกเป็นคนเลวนี่ แม่แกมันเลวไอ้หนูเอ้ย ใคร ๆ เขาก็เห็นใจแกทั้งนั้น เพราะมันเป็นเรื่องที่จะแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ แต่ว่าแม่ของแกเป็นคนเลวจริง ๆ นะ เมื่อเขาตายเสียได้อย่างนั้นก็เป็นการดีแล้ว ไม่ยังงั้นป่านนี้ก็อาจจะติดคุก ถูกเนรเทศหรือไม่ก็อาจจะถูกประหารชีวิตไปแล้วก็ได้ แต่ฉันว่าอย่างหลังนี้เห็นจะแน่นอนกว่าอย่างอื่น จริงไหมล่ะ?”
โอลิเวอร์ฮึดสู้โนอา
เมื่อนาทีที่แล้ว โอลิเวอร์ เป็นคนเงื่องหงอยสร้อยเศร้า อันเนื่องมาจากความลำบากยากแค้นที่เขาได้รับอยู่ตลอดเวลา แต่การดูถูกเหยียดหยามอย่างร้ายกาจต่อมารดาของเขาผู้หามีชีวิตแล้วไม่ ทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านขึ้นมาทันที เขาพุ่งตัวข้าวเก้าอี้และโต๊ะ คว้าหมับเข้าที่คอหอยของโนอาและฟัดเสียจนฟันกระทบกันแล้วก็เหวี่ยงโนอา เคลย์โพล์ ล้มลงกับพื้นอย่างสุดแรงเกิด ท่ายืนของโอลิเวอร์ในขณะนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย ยืดตัวตรง ดวงตาลุกวาวเป็นประกาย ขณะจ้องมองดูเจ้าคนขลาดที่นอนเหยียดยาวอยู่แทบเท้าของเขา
“มันจะฆ่าผม!” โนอาร้องเอะอะ “ชาร์ล็อต! นายผู้หญิงครับ! เจ้าเด็กหน้าใหม่มันกำลังจะฆ่าผม ช่วยด้วย ช่วยด้วย เจ้าโอลิเวอร์มันเป็นบ้าไปแล้ว!”
พอสิ้นเสียงตะโกนของโนอาก็มีเสียงหวีดร้องอย่างดังของเสียงคนใช้ ชาร์ล็อต และเสียงกรีดร้องที่ดังกว่าของนางซอเวอร์เบอร์รี่ ชาร์ล็อตจับโอลิเวอร์ไว้และทุบตีเขาอย่างไม่ยั้งมือ นางซอเวอร์เบอร์รี่วิ่งถลันเข้าไปในครัวเพื่อช่วยคนใช้จับโอลิเวอร์ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ข่วนหน้าเขา โนอาลุกขึ้นแล้วตรงเข้าต่อยเขาทางข้างหลัง การใช้กำลังอย่างหนักครั้งนี้ดำเนินไปได้ไม่นานต่างก็เหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน นางซอเวอร์เบอร์รี่และชาร์ล็อตช่วยกันลากโอลิเวอร์ไปยังห้องใต้ดิน เหวี่ยงเขาเข้าไปข้างในแล้วก็ใส่กุญแจประตูเสีย
“วิ่งไปตามคุณบัมเบิ้ลซิ โนอา” นางซอเวอร์เบอร์รี่พูด “บอกเขาให้มาที่นี่ด่วน เร็ว ๆ เข้านะ ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กบ้านี่มันจะพังประตูออกมาฆ่าฉัน ผู้ชายในบ้านก็ไม่มีจะช่วยป้องกันฉันเสียด้วย”
โนอาวิ่งออกไปอย่างเต็มฝีเท้าและไม่ได้หยุดวิ่งเลยจนกระทั่งถึงประตูสถานสงเคราะห์คนอนาถา
“โอ้ คุณบัมเบิ้ล! คุณบัมเบิ้ลครับ!” เขาร้องเรียกเมื่อนายบัมเบิ้ลโผล่ออกมา “โอลิเวอร์ ครับ โอลิเวอร์...”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ? มันคงไม่ได้หนีไปไหนหรอกใช่มั้ย โนอา?”
“เปล่าครับ เขาพยายามจะฆ่าผม ฆ่าชาร์ล็อต แล้วก็ฆ่านายผู้หญิงด้วย” แล้วโนอาก็บิดตัวไปมาทำเสียงราวกับว่ากำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างสาหัส
“นายผู้หญิงต้องการให้คุณไปเฆี่ยนตีเจ้าโอลิเวอร์ เพราะนายผู้ชายไม่อยู่บ้านครับ”
นายบัมเบิ้ลมาถึง
เมื่อนายบัมเบิ้ลและโนอามาถึงร้านขายหีบศพนั้น โอลิเวอร์ยังคงเตะถีบประตูและตะโกนเอะอะโวยวายอยู่ หัวหน้าผู้คุมจึงคิดว่าจะเป็นการปลอดภัยกว่า ถ้าจะพูดจากันให้รู้เรื่องเสียก่อนที่จะเปิดประตู เขายื่นปากจ่อเข้าที่รูกุญแจแล้วก็พูดด้วยเสียงห้าว ๆ “โอลิเวอร์ แกจำเสียงฉันได้ไหม?”
“จำได้ครับ ช่วยปล่อยผมออกไปทีเถอะ” โอลิเวอร์ตอบ
“แกไม่กลัวฉันรึ เจ้าหนู ตัวแกไม่สั่นหรอกรึ?”
“ไม่หรอก” โอลิเวอร์ตอบอย่างไม่หวั่น
นายบัมเบิ้ลไม่นึกว่าจะได้ยินคำตอบอย่างนั้น จึงมีท่าทางงงงันไป
“มันต้องบ้าแน่คุณบัมเบิ้ล ไม่มีเด็กดี ๆ คนไหนจะบังอาจพูดอย่างนั้นกับคุณหรอกค่ะ” นางซอเวอร์เบอร์รี่พูด
“ไม่ใช่บ้าหรอก เนื้อต่างหากล่ะ เนื้อ คุณให้มันกินมากเกินไปเสียแล้ว เรื่องจะไม่เกิดขึ้นอย่างนี้เลย ถ้าคุณให้มันกินแต่น้อย ๆ ปล่อยมันไว้ในนี้ซักวันสองวัน ให้มันหิวโซเสียก่อนเถอะ ไอ้เด็กคนนี้มันกำพืดไม่ดี”
แต่โอลิเวอร์ไม่ต้องถูกขังอีกต่อไป เพราะนายซอเวอร์เบอร์รี่กลับมา และหลังจากที่ได้เฆี่ยนตีเด็กน้อยตามคำขอร้องของภรรยาแล้ว โอลิเวอร์ก็ถูกกักกัน ให้อยู่แต่ในก้นครัวจนกระทั่งถึงเวลาที่จะไปนอนท่ามกลางหีบศพ
เพราะไม่มีใครจะมองเห็นหน้าเขาแล้ว โอลิเวอร์ก็ตั้งต้นร้องไห้ด้วยความทุกข์ระทมใจ ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นจากที่นอน มองดูรอบ ๆ ตัวและเงี่ยหูฟัง แล้วก็ถอดกลอนประตู มองออกไปนอกถนน มอง ๆ ไปเขาก็ตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง คือจะหนีไปให้พ้นจากที่นี่! เขาจัดแจงเก็บของสองสามอย่างของเขาห่อผ้าเช็ดหน้า แล้วก็นั่งลงบนที่นอนเพื่อคอยให้รุ่งเช้าเสียก่อน พอฟ้าสางเขาก็เปิดประตู มองไปรอบ ๆ แล้วก็ปิดประตูไว้เบื้องหลังอย่างแผ่วเบา เขากำลังยืนบนถนน และเป็นอิสระ! โอลิเวอร์ได้หนีออกมาแล้ว
เป็นอิสระซักที โดนกดขี่มาตั้งนาน สู้ๆ โอลิเวอร์ !!
ตอบลบ